ล้านนาแพร่ดอทคอม วังฟ่อนดอทคอม
ล้านนาแพร่ดอทคอม
http://www.wungfon.com/index.php
2024-03-19T10:13:57Z
Joomla! 1.5 - Open Source Content Management
โครงการ หน้าบ้าน น่ามอง ๒๕๕๘
2015-09-20T14:16:43Z
2015-09-20T14:16:43Z
http://www.wungfon.com/index.php?option=com_content&view=article&id=1821:2015-09-20-14-18-08&catid=209:2012-08-06-09-48-24&Itemid=270
manager
computer26032549@gmail.com
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/wungfon/News58/090958.JPG" border="0" /></p>
<p style="text-align: justify;">ภาพกิจกรรมประกวดโครงการหน้าบ้านน่ามอง วันพุธที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๘ วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการขยะภายในบ้าน เพื่อรณรงค์ปลูกจิตสำนึกในการดูแลรักษาไม่ให้บ้านเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ส่งเสริมให้ปลูกผักไว้กินเองที่บ้านรวมถึงการทำปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ตลอดถึงความสวยงามของพืชหรือดอกไม้ไว้ตามบ้านเรือน</p>
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/wungfon/News58/090958.JPG" border="0" /></p>
<p style="text-align: justify;">ภาพกิจกรรมประกวดโครงการหน้าบ้านน่ามอง วันพุธที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๘ วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการขยะภายในบ้าน เพื่อรณรงค์ปลูกจิตสำนึกในการดูแลรักษาไม่ให้บ้านเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ส่งเสริมให้ปลูกผักไว้กินเองที่บ้านรวมถึงการทำปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ตลอดถึงความสวยงามของพืชหรือดอกไม้ไว้ตามบ้านเรือน</p>
คุ้มวิชัยราชา
2011-04-28T14:11:30Z
2011-04-28T14:11:30Z
http://www.wungfon.com/index.php?option=com_content&view=article&id=469:2011-04-28-14-18-28&catid=142:2010-11-06-02-33-05&Itemid=184
Administrator
computer26032549@hotmail.com
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/phrae/KhumWichaiRacha/KhumWichaiRacha.jpg" border="0" hspace="5" vspace="5" align="left" /></p>
<p style="text-align: justify; ">จากหนังสือที่ระลึกเนื่องในงานฉลองวัดศรีบุญเรือง อำเภอเมืองแพร่ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ได้กล่าวถึงประวัติวัดไว้ตอนหนึ่งว่า ไม่ปรากฏหลังฐานแน่ชัดว่า ใครเป็นผู้สร้างวัดนี้และสร้างในสมัยใด แต่ประมาณว่า สร้างกันมาหลายร้อยปีแล้ว จาการบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ ที่มีอายุยืนยาวและพอชื่อถือได้ว่า ประมาณ ๒๐๐ ปีเศษที่ล่วงมาแล้ว ผู้บูรณะซ่อมแซมวัดในครั้งกระโน้น คือ “พญาแสนศรีขวา” ผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ของเจ้านายฝ่ายเหนือ และบุตรของท่านชื่อ “พระยาประเสริฐชนะสงครามราชภัคดี” ได้เป็นผู้อุปถัมภ์ บูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้สืบเรื่อยมา ต่อมา “แม้เจ้าคำป้อ” ซึ่งเป็นบุตรของพระยาประเสริฐฯ ได้สมรสกับ “พระวิชัยราชา” (นามเดิมว่า ขัติ หรือเจ้าหนานขัติ) ผู้เป็นบุตรของเจ้าแสนเสมอใจลูกหลานคนหนึ่งของเจ้าหลวงเทพวงศ์ ลิ้นทอง เจ้าผู้ครองนครเมืองแพร่ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๓๖๑ ถึง ๒๓๗๓ เจ้าหนานขัติเองเป็นต้นตระกูล “แสนสิริพันธ์”</p>
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/phrae/KhumWichaiRacha/KhumWichaiRacha.jpg" border="0" hspace="5" vspace="5" align="left" /></p>
<p style="text-align: justify; ">จากหนังสือที่ระลึกเนื่องในงานฉลองวัดศรีบุญเรือง อำเภอเมืองแพร่ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ได้กล่าวถึงประวัติวัดไว้ตอนหนึ่งว่า ไม่ปรากฏหลังฐานแน่ชัดว่า ใครเป็นผู้สร้างวัดนี้และสร้างในสมัยใด แต่ประมาณว่า สร้างกันมาหลายร้อยปีแล้ว จาการบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ ที่มีอายุยืนยาวและพอชื่อถือได้ว่า ประมาณ ๒๐๐ ปีเศษที่ล่วงมาแล้ว ผู้บูรณะซ่อมแซมวัดในครั้งกระโน้น คือ “พญาแสนศรีขวา” ผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ของเจ้านายฝ่ายเหนือ และบุตรของท่านชื่อ “พระยาประเสริฐชนะสงครามราชภัคดี” ได้เป็นผู้อุปถัมภ์ บูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้สืบเรื่อยมา ต่อมา “แม้เจ้าคำป้อ” ซึ่งเป็นบุตรของพระยาประเสริฐฯ ได้สมรสกับ “พระวิชัยราชา” (นามเดิมว่า ขัติ หรือเจ้าหนานขัติ) ผู้เป็นบุตรของเจ้าแสนเสมอใจลูกหลานคนหนึ่งของเจ้าหลวงเทพวงศ์ ลิ้นทอง เจ้าผู้ครองนครเมืองแพร่ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๓๖๑ ถึง ๒๓๗๓ เจ้าหนานขัติเองเป็นต้นตระกูล “แสนสิริพันธ์”</p>
ปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติแม่ของแผ่นดิน ๕๘
2015-08-28T11:34:24Z
2015-08-28T11:34:24Z
http://www.wungfon.com/index.php?option=com_content&view=article&id=1820:2015-08-28-11-37-53&catid=209:2012-08-06-09-48-24&Itemid=270
manager
computer26032549@gmail.com
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/wungfon/News58/w160858.JPG" border="0" /></p>
<p style="text-align: justify;">ภาพกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2558 เนื่องในโอกาสมหามงคลสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 83 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2558 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชปณิธานที่จะจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติ</p>
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/wungfon/News58/w160858.JPG" border="0" /></p>
<p style="text-align: justify;">ภาพกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2558 เนื่องในโอกาสมหามงคลสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 83 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2558 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชปณิธานที่จะจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติ</p>
วันอาสาฬหบูชา ๒๕๕๘
2015-08-11T09:18:40Z
2015-08-11T09:18:40Z
http://www.wungfon.com/index.php?option=com_content&view=article&id=1818:2015-08-11-09-20-01&catid=96:2010-09-22-14-55-44&Itemid=243
manager
computer26032549@gmail.com
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/tradition/ASanHaBuCha/300758.JPG" border="0" /></p>
<p style="text-align: justify;">วันอาสาฬหบูชาเริ่มเมือปี พ.ศ. ๒๕๐๑ การบูชาในเดือน ๘ พระพุทธองค์ได้ตรัสเอาไว้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ปฏิปทาสายกลางที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพานนั้น เป็นไฉน?</p>
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/tradition/ASanHaBuCha/300758.JPG" border="0" /></p>
<p style="text-align: justify;">วันอาสาฬหบูชาเริ่มเมือปี พ.ศ. ๒๕๐๑ การบูชาในเดือน ๘ พระพุทธองค์ได้ตรัสเอาไว้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ปฏิปทาสายกลางที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพานนั้น เป็นไฉน?</p>
แก่งเสือเต้น อุทยานแห่งชาติแม่ยม
2013-03-10T09:41:56Z
2013-03-10T09:41:56Z
http://www.wungfon.com/index.php?option=com_content&view=article&id=1534:2013-03-10-09-44-25&catid=143:2010-11-06-02-33-21&Itemid=185
Administrator
computer26032549@hotmail.com
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/Amphoe/Song/KaengSueaTen56.jpg" border="0" /></p>
<p style="text-align: justify;">แก่งเสือเต้น อุทยานแห่งชาติแม่ยม มีความเป็นมาในปลายปี พ.ศ. ๒๕๒๕ นายณรงค์ วงศ์วรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (สมาชิกสภาผู้แทนจังหวัดแพร่) ดำริให้กรมป่าไม้ทำการสำรวจป่าสงวนแห่งชาติแม่ปุง-แม่เป้า จังหวัดแพร่ ซึ่งมีไม้สักที่อุดมสมบูรณ์ขึ้นเองตามธรรมชาติอย่างหนาแน่น และมีทิวทัศน์ธรรมชาติอื่นๆ ที่สวยงามหลายแห่ง ให้จัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปทำการสำรวจเบื้องต้นปรากฏว่า บริเวณป่าแม่ปุงและป่าน้ำงาว น้ำสวด มีป่าสักที่สมบูรณ์ยิ่งในภาคเหนือ สภาพป่าโดยทั่วไปสมบูรณ์ดี เป็นป่าต้นน้ำลำธารของแม่น้ำยม ทั้งยังมีทิวทัศน์ และเอกลักษณ์ทาง ธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะสมที่จะจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ได้นำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ซึ่งได้มีมติในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๒๗ เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๒7 เห็นสมควรให้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่ดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ โดยใช้ชื่อว่า “อุทยานแห่งชาติแม่ปุง” ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “อุทยานแห่งชาติแม่ยม” เพื่อให้เหมาะสมตามลักษณะของพื้นที่ซึ่งมีแม่น้ำยมไหลผ่าน และลักษณะเด่นที่สวยงามของอุทยานแห่งชาติแม่ยมแห่งนี้เกิดจากแม่น้ำยม โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่บริเวณที่ดินป่าแม่ปุง ป่าแม่เป้าและป่าแม่สอง ในท้องที่ตำบลเตาปูน ตำบลสะเอียบ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ และป่าแม่งาวฝั่งซ้าย ในท้องที่ตำบลแม่ตีบ อำเภองาว จังหวัดลำปาง ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๑๐๓ ตอนที่ ๓๔ ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๒๙ เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ ๕๑ ของประเทศ</p>
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/Amphoe/Song/KaengSueaTen56.jpg" border="0" /></p>
<p style="text-align: justify;">แก่งเสือเต้น อุทยานแห่งชาติแม่ยม มีความเป็นมาในปลายปี พ.ศ. ๒๕๒๕ นายณรงค์ วงศ์วรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (สมาชิกสภาผู้แทนจังหวัดแพร่) ดำริให้กรมป่าไม้ทำการสำรวจป่าสงวนแห่งชาติแม่ปุง-แม่เป้า จังหวัดแพร่ ซึ่งมีไม้สักที่อุดมสมบูรณ์ขึ้นเองตามธรรมชาติอย่างหนาแน่น และมีทิวทัศน์ธรรมชาติอื่นๆ ที่สวยงามหลายแห่ง ให้จัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปทำการสำรวจเบื้องต้นปรากฏว่า บริเวณป่าแม่ปุงและป่าน้ำงาว น้ำสวด มีป่าสักที่สมบูรณ์ยิ่งในภาคเหนือ สภาพป่าโดยทั่วไปสมบูรณ์ดี เป็นป่าต้นน้ำลำธารของแม่น้ำยม ทั้งยังมีทิวทัศน์ และเอกลักษณ์ทาง ธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะสมที่จะจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ได้นำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ซึ่งได้มีมติในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๒๗ เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๒7 เห็นสมควรให้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่ดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ โดยใช้ชื่อว่า “อุทยานแห่งชาติแม่ปุง” ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “อุทยานแห่งชาติแม่ยม” เพื่อให้เหมาะสมตามลักษณะของพื้นที่ซึ่งมีแม่น้ำยมไหลผ่าน และลักษณะเด่นที่สวยงามของอุทยานแห่งชาติแม่ยมแห่งนี้เกิดจากแม่น้ำยม โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่บริเวณที่ดินป่าแม่ปุง ป่าแม่เป้าและป่าแม่สอง ในท้องที่ตำบลเตาปูน ตำบลสะเอียบ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ และป่าแม่งาวฝั่งซ้าย ในท้องที่ตำบลแม่ตีบ อำเภองาว จังหวัดลำปาง ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๑๐๓ ตอนที่ ๓๔ ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๒๙ เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ ๕๑ ของประเทศ</p>
วัดสันปู่สี
2010-11-20T13:02:00Z
2010-11-20T13:02:00Z
http://www.wungfon.com/index.php?option=com_content&view=article&id=249:2010-11-20-13-10-18&catid=143:2010-11-06-02-33-21&Itemid=185
Administrator
computer26032549@hotmail.com
<p style="text-align: justify;"><br /><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/hospitalnew/bicycle/sanpusee1.JPG" border="0" hspace="5" vspace="5" align="left" />วัดสันปู่สีจังหวัดแพร่ (watsunpusee) ตั้งอยู่ที่ เลขที่ ๙ หมู่ที่ ๖ ตำบลหัวเมือง อำเภอสอง จังหวัดแพร่ เป็นที่กำลังพัฒนาซึ่งเป็นวัดที่ก่อตั้งขึ้นประมาณปี พ.ศ. ๒๔๙๕ ซึ่งแต่เดิมมานั้นวัดได้ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของหมู่บ้านต่อมาก็ร้างไปเพราะไม่มีพระจำพรรษาอยู่และอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านด้วยจึงทำให้ย้ายวัดมาตั้งอยู่ในที่ปัจจุบัน</p>
<p style="text-align: justify;"><br /><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/hospitalnew/bicycle/sanpusee1.JPG" border="0" hspace="5" vspace="5" align="left" />วัดสันปู่สีจังหวัดแพร่ (watsunpusee) ตั้งอยู่ที่ เลขที่ ๙ หมู่ที่ ๖ ตำบลหัวเมือง อำเภอสอง จังหวัดแพร่ เป็นที่กำลังพัฒนาซึ่งเป็นวัดที่ก่อตั้งขึ้นประมาณปี พ.ศ. ๒๔๙๕ ซึ่งแต่เดิมมานั้นวัดได้ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของหมู่บ้านต่อมาก็ร้างไปเพราะไม่มีพระจำพรรษาอยู่และอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านด้วยจึงทำให้ย้ายวัดมาตั้งอยู่ในที่ปัจจุบัน</p>
วันวิสาขบูชา ๒๕๕๘
2015-06-01T06:42:52Z
2015-06-01T06:42:52Z
http://www.wungfon.com/index.php?option=com_content&view=article&id=1816:2015-06-22-06-44-36&catid=96:2010-09-22-14-55-44&Itemid=243
manager
computer26032549@gmail.com
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/tradition/Wisakhabucha/010658.JPG" border="0" /></p>
<p style="text-align: justify;">ตถาคตอุบัติในโลกนี้ ได้เป็นผู้ไกลจากกิเลส รู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถีผู้ฝึกบุรุษที่ควรฝึกอย่างหาคนอื่นยิ่งกว่ามิได้ เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้แจกธรรม ตถาคตนั้นทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนโลกนี้ทั้งเทวดา มาร พรหม ทุกหมู่สัตว์ ทั้งสมณะ และพราหมณ์ ทั้งเทวดาและมนุษย์ให้รู้ทั่ว แสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น ในท่ามกลางในที่สุด พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ ประกาศพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์บริบูรณ์ สิ้นเชิง</p>
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/tradition/Wisakhabucha/010658.JPG" border="0" /></p>
<p style="text-align: justify;">ตถาคตอุบัติในโลกนี้ ได้เป็นผู้ไกลจากกิเลส รู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถีผู้ฝึกบุรุษที่ควรฝึกอย่างหาคนอื่นยิ่งกว่ามิได้ เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้แจกธรรม ตถาคตนั้นทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนโลกนี้ทั้งเทวดา มาร พรหม ทุกหมู่สัตว์ ทั้งสมณะ และพราหมณ์ ทั้งเทวดาและมนุษย์ให้รู้ทั่ว แสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น ในท่ามกลางในที่สุด พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ ประกาศพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์บริบูรณ์ สิ้นเชิง</p>
วัดหัวเมือง
2010-11-26T14:35:25Z
2010-11-26T14:35:25Z
http://www.wungfon.com/index.php?option=com_content&view=article&id=257:2010-11-26-14-38-36&catid=143:2010-11-06-02-33-21&Itemid=185
Administrator
computer26032549@hotmail.com
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/Amphoe/Song/Wat/WatBanHuamueang.jpg" border="0" hspace="5" vspace="5" align="left" /></p>
<p style="text-align: justify;">วัดหัวเมืองถือได้ว่าเป็นวัดที่อายุเก่าแก่ของจังหวัดแพร่วัดหนึ่งตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านสันนิษฐานว่าเริ่มก่อสร้างเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. ๒๔๐๐ โดยมีกลุ่มชาวบ้านซึ่งไม่ทราบที่มาชัดเจนว่าได้ย้ายถิ่นฐานมาจากที่ใด ที่เข้ามาปักหลักทำมาหากินอยู่ในเขตพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำยมในสมัยนั้น ประวัติวัดหัวเมือง เดิมวัดหัวเมืองตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยม ห่างจากที่ตั้งปัจจุบันไปทางทิศใต้ประมาณ ๓๐๐ เมตร แต่เนื้องจากสภาพการไหลของแม่น้ำยมนั้นได้เปลี่ยนทิศทางอยู่เสมอจนได้กัดเซาะตลิ่งซึ่งติดบริเวณวัดหัวเมืองเดิมทำให้พื้นที่วัดได้รับความเสียหาย ทางเจ้าอาวาสคือพระอธิการพรมจักร แก่นเรณู และผู้นำหมู่บ้านโดยแกนนำของขุนเสนา ไข่คำ จึงได้พร้อมใจกันย้ายวัดมาอยู่ ณ ที่ตั้งปัจจุบันเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ตรงกับวันขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐ เหนือ เดือน ๘ ใต้ นับตั้งแต่ย้ายวัดเป็นต้นมา ชาวบ้านต่างก็พร้อมใจกันสร้าวัดขึ้นใหม่ โดยเริ่มจากการใช้ไม้ไผ่ในการสร้างกุฏิและวิหาร เพราะในสมัยนั้นวัสดุก่อสร้างล้วนแล้วแต่เป็นของราคาแพงและค่อนข้างหายากสำหรับแถบชนบท ต่อมาในสมัยของพระอธิการพรหมจักร พรหมจกฺโก เจ้าอาวาสวัดหัวเมือง และคณะศรัทธาก็ได้พร้อมใจกันสร้างพระประธานเพื่อสักการบูชาในวิหารไม่ไผ่ ซึ่งเดิมทีทางวัดมีเพียงพุทธรูปองค์เล็ก ๆ ไม่กี่องค์เท่านั้น โดยได้ฤกษ์ก่อสร้าง เมื่อวันพุธ ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๘ มีพ่อาล่าอุ๊ เวียงโกศัย ช่างผู้ก่อสร้าง โดยมีลักษณ์เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน ใช้ไม้ขนุนเป็นแกนโครงสร้างด้านใน ศิลปะล้านนาแบบเมืองแพร่โบราณ</p>
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/Amphoe/Song/Wat/WatBanHuamueang.jpg" border="0" hspace="5" vspace="5" align="left" /></p>
<p style="text-align: justify;">วัดหัวเมืองถือได้ว่าเป็นวัดที่อายุเก่าแก่ของจังหวัดแพร่วัดหนึ่งตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านสันนิษฐานว่าเริ่มก่อสร้างเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. ๒๔๐๐ โดยมีกลุ่มชาวบ้านซึ่งไม่ทราบที่มาชัดเจนว่าได้ย้ายถิ่นฐานมาจากที่ใด ที่เข้ามาปักหลักทำมาหากินอยู่ในเขตพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำยมในสมัยนั้น ประวัติวัดหัวเมือง เดิมวัดหัวเมืองตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยม ห่างจากที่ตั้งปัจจุบันไปทางทิศใต้ประมาณ ๓๐๐ เมตร แต่เนื้องจากสภาพการไหลของแม่น้ำยมนั้นได้เปลี่ยนทิศทางอยู่เสมอจนได้กัดเซาะตลิ่งซึ่งติดบริเวณวัดหัวเมืองเดิมทำให้พื้นที่วัดได้รับความเสียหาย ทางเจ้าอาวาสคือพระอธิการพรมจักร แก่นเรณู และผู้นำหมู่บ้านโดยแกนนำของขุนเสนา ไข่คำ จึงได้พร้อมใจกันย้ายวัดมาอยู่ ณ ที่ตั้งปัจจุบันเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ตรงกับวันขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐ เหนือ เดือน ๘ ใต้ นับตั้งแต่ย้ายวัดเป็นต้นมา ชาวบ้านต่างก็พร้อมใจกันสร้าวัดขึ้นใหม่ โดยเริ่มจากการใช้ไม้ไผ่ในการสร้างกุฏิและวิหาร เพราะในสมัยนั้นวัสดุก่อสร้างล้วนแล้วแต่เป็นของราคาแพงและค่อนข้างหายากสำหรับแถบชนบท ต่อมาในสมัยของพระอธิการพรหมจักร พรหมจกฺโก เจ้าอาวาสวัดหัวเมือง และคณะศรัทธาก็ได้พร้อมใจกันสร้างพระประธานเพื่อสักการบูชาในวิหารไม่ไผ่ ซึ่งเดิมทีทางวัดมีเพียงพุทธรูปองค์เล็ก ๆ ไม่กี่องค์เท่านั้น โดยได้ฤกษ์ก่อสร้าง เมื่อวันพุธ ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๘ มีพ่อาล่าอุ๊ เวียงโกศัย ช่างผู้ก่อสร้าง โดยมีลักษณ์เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน ใช้ไม้ขนุนเป็นแกนโครงสร้างด้านใน ศิลปะล้านนาแบบเมืองแพร่โบราณ</p>
บ้านหนองเสี้ยว
2011-03-29T14:19:29Z
2011-03-29T14:19:29Z
http://www.wungfon.com/index.php?option=com_content&view=article&id=440:2011-03-29-14-25-37&catid=143:2010-11-06-02-33-21&Itemid=185
Administrator
computer26032549@hotmail.com
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/tambon/NongBua/NongSiao.JPG" border="0" hspace="5" vspace="5" align="left" /></p>
<p style="text-align: justify;">ความเป็นมาของหมู่บ้านหนองเสี้ยว ตำบลหัวเมือง อำเภอสอง จังหวัดแพร่ แต่เดิมที่ตั้งของหมุ่บ้านอยุ่ติดกับฝั่งแม่น้ำยม ในปัจจุบัน ต่อมาได้อพยพมาตั้งบ้านเรือนอยุ่รวมกันในหมุ่บ้านปัจจุบันสาเหตุเพื่ออพยพเพราะเห็นว่าเป็นเนื้อที่สำหรับ ทำนา ทำสวน ทำไร่ อาศัยว่าพื้นที่นี้อุดมสมบุญทั้งอาหารและที่ทำกินจึงได้พากันอยพพาข้ามมาจากบ้านต้นหนุนคนแรกได้แก่พ่อเฒ่าหน้อยยวนค์ แพทย์สมาน</p>
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/tambon/NongBua/NongSiao.JPG" border="0" hspace="5" vspace="5" align="left" /></p>
<p style="text-align: justify;">ความเป็นมาของหมู่บ้านหนองเสี้ยว ตำบลหัวเมือง อำเภอสอง จังหวัดแพร่ แต่เดิมที่ตั้งของหมุ่บ้านอยุ่ติดกับฝั่งแม่น้ำยม ในปัจจุบัน ต่อมาได้อพยพมาตั้งบ้านเรือนอยุ่รวมกันในหมุ่บ้านปัจจุบันสาเหตุเพื่ออพยพเพราะเห็นว่าเป็นเนื้อที่สำหรับ ทำนา ทำสวน ทำไร่ อาศัยว่าพื้นที่นี้อุดมสมบุญทั้งอาหารและที่ทำกินจึงได้พากันอยพพาข้ามมาจากบ้านต้นหนุนคนแรกได้แก่พ่อเฒ่าหน้อยยวนค์ แพทย์สมาน</p>
วัดดงเจริญ
2011-01-14T06:15:19Z
2011-01-14T06:15:19Z
http://www.wungfon.com/index.php?option=com_content&view=article&id=332:2011-01-14-06-30-44&catid=143:2010-11-06-02-33-21&Itemid=185
Administrator
computer26032549@hotmail.com
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/tambon/DongCharoen/DongCharoen.jpg" border="0" hspace="5" vspace="5" align="left" />ประวัติวัดดงเจริญ</p>
<p style="text-align: justify;">วัดดงเจริญ ก่อตั้งครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็นสำนักสงฆ์ จึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัดดงเจริญแล้วใน วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อก่อนนี้บ้านดงเจริญขึ้นอยู่ เป็น ต.บ้านหนุน อ.สอง บ้านดงเจริญ ย้ายมาจากบ้านต้นผึ้ง และบ้านหัวเมืองบางส่วน พ่อใหญ่ตุ้ยเป็นคนแรกที่พาพรรคพวกย้ายมา และก่อนนั้นเข้าเรียกว่าวัดดงจ้อย เพราะว่ายังเป็นป่า ดงเสือ ช้าง เป็นป่าดงดิบทึบ ต่อมาเปลี่ยนเป็น ชื่อดงเจริญ มาจนถึงทุกวันนี้</p>
<p><img src="http://www.wungfon.com/images/stories/tambon/DongCharoen/DongCharoen.jpg" border="0" hspace="5" vspace="5" align="left" />ประวัติวัดดงเจริญ</p>
<p style="text-align: justify;">วัดดงเจริญ ก่อตั้งครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็นสำนักสงฆ์ จึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัดดงเจริญแล้วใน วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อก่อนนี้บ้านดงเจริญขึ้นอยู่ เป็น ต.บ้านหนุน อ.สอง บ้านดงเจริญ ย้ายมาจากบ้านต้นผึ้ง และบ้านหัวเมืองบางส่วน พ่อใหญ่ตุ้ยเป็นคนแรกที่พาพรรคพวกย้ายมา และก่อนนั้นเข้าเรียกว่าวัดดงจ้อย เพราะว่ายังเป็นป่า ดงเสือ ช้าง เป็นป่าดงดิบทึบ ต่อมาเปลี่ยนเป็น ชื่อดงเจริญ มาจนถึงทุกวันนี้</p>