อรรถกถายสวัตถุ บทว่า ปุพฺพานุปุพฺพกานํ มีความว่า เก่าแก่เป็นลำดับด้วยอำนาจความสืบสายกัน. ข้อว่า เตน โข ปน สมเย เอกสฏฺฐิ โลเก อรหนฺโต โหนฺติ มีความว่า ภายในพรรษาเท่านั้น มีมนุษย์เป็นพระอรหันต์ ๖๑ องค์ คือ พวกก่อน ๖ องค์ และพวกนี้อีก ๕๕ องค์. บรรดามนุษย์เหล่านั้น ยสกุลบุตร เป็นต้น มีบุพประโยคดังต่อไปนี้:- ดังได้ยินมา ในอดีตกาล สหาย ๕๕ คน จะทำบุญร่วมพวกกัน จึงเที่ยวช่วยกันจัดการศพคนอนาถา. วันหนึ่งพวกเขาพบทญิงมีครรภ์ทำกาลกิริยาคิดว่า จักเผา จึงนำไปยังป่าช้า. ในพวกเขา เว้นไว้ที่ป่าช้า ๕ คน สั่งว่า จงช่วยกันเผา ส่วนที่เหลือพากันเข้าบ้าน. พ่อยศผู้ทรามวัย แทงและพลิกศพนั้น ให้ไหม้อยู่ ก็ได้อสุภสัญญา.

เขาได้แสดงแก่อีก ๔ คนด้วยว่า ผู้เจริญจงเห็นของไม่สะอาด น่าเกลียดนี่. อีก ๔ คนนั้นก็ได้อสุภสัญญาในศพนั้นบ้าง.

เขาทั้ง ๕ พากันไปบ้านแล้วบอกแก่สหายที่เหลือ. ฝ่ายพ่อยสผู้ทรามวัยไปบ้านแล้วได้บอกแก่มารดาบิดาและภรรยา. ชนเหล่านั้นทั้งหมดได้เจริญอสุภสัญญาบ้าง.

บุพประโยคของชนเหล่านั้นเท่านี้ . เพราะเหตุนั้นความสำคัญในเหล่าชนฟ้อนว่าเป็นดังป่าช้านั่นแล จึงได้เกิดขึ้นแก่พระยศผู้มีอายุ. และด้วยอุปนิสัยสมบัตินั้นความบรรลุธรรมพิเศษได้เกิดแก่ทุกคนแล.

ข้อว่า อถโข ภควา ภิกฺขุ อามนฺเตสิ มีความว่า พระผู้พระภาคเจ้าเสด็จอยู่ที่กรุงพาราณสีจนถึงเพ็ญเดือนกัตติกาหลัง วันหนึ่งตรัสเรียกภิกษุ ๖๐ รูป ซึ่งเป็นพระขีณาสพเหล่านั้น. บ่วง คือ ความโลภในอารมณ์ทั้งหลายที่เป็นทิพย์ จัดเป็นของทิพย์. บ่วง คือ ความโลภ ในอารมณ์ทั้งหลายซึ่งเป็นของมนุษย์ จัดเป็นของมนุษย์.

หลายบทว่า มา เอเกน เทฺว มีความว่า ท่านทั้งหลายอย่าได้ไปรวมกัน ๒ รูปโดยทางเดียวกัน.

บทว่า อสฺสวนตา มีความว่า เพราะเหตุที่ไม่ได้ฟัง.

บทว่า ปริยายนฺติ มีความว่า เมื่อไม่ได้บรรลุธรรมพิเศษที่ยังไม่ได้บรรลุ ชื่อว่าย่อมเสื่อมจากความบรรลุธรรมพิเศษ.

บทว่า อนฺตก ได้แก่ ดูก่อนมารผู้เลวทราม คือเป็นสัตว์ต่ำช้า.

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายเอาบ่วง คือ ราคะ ตรัสว่า เที่ยวไปในอากาศ.

จริงอยู่ พระองค์ทรงทราบบ่วง คือ ราคะนั้น จึงตรัสว่า เที่ยวไปในอากาศ.

อรรถกถายสวัตถุ จบ

พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๖ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาคที่ ๑ หน้าที่ ๗๕ - ๗๖

แหล่งที่มา พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๖ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาคที่ ๑ หน้าที่ ๗๖